ผลสำรวจจากบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LSW) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นว่าชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ใจกลางก

17 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผลสำรวจจากบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LSW) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นว่าชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ใจกลางก

ผลสำรวจจากบริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LSW) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นว่าชาวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ยังครองตำแหน่งทำเลทองของนักลงทุนต่างชาติ

✅ จากการสำรวจระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 พบว่า 3 ทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ อโศก–พร้อมพงษ์ รัชดา–พระราม 9 และสีลม–สาทร โดยย่านอโศก–พร้อมพงษ์ เป็นศูนย์กลางธุรกิจที่มีระบบขนส่งครบ ใกล้ BTS และ MRT รวมถึงห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียม เหมาะสำหรับชาวญี่ปุ่นและชาวยุโรปที่ทำงานในกรุงเทพฯ ขณะที่รัชดา–พระราม 9 เป็นทำเลศักยภาพใหม่ที่มีสำนักงานข้ามชาติและศูนย์การค้าเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนสีลม–สาทร ยังคงเป็นย่านที่ผู้บริหารต่างชาตินิยมอยู่อาศัย เนื่องจากใกล้แหล่งงาน สถานทูต และมีความสะดวกในการเดินทาง

✅ ผลสำรวจยังพบว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่สนใจอยู่อาศัยในไทยมาจาก 5 ประเทศหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อังกฤษ จีน และสหรัฐอเมริกา รวมกันคิดเป็นราว 46% ของผู้ตอบแบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 36–45 ปี และเข้ามาทำงานหรือประกอบธุรกิจในไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางการเงินสูงและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต

✅ ในส่วนของต่างจังหวัด ความสนใจของชาวต่างชาติยังขยายไปสู่เมืองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยมีภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา เป็นสามพื้นที่เด่น ภูเก็ตได้รับความนิยมสูงสุดในสัดส่วน 9% จากศักยภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและตลาดวิลล่าริมทะเลที่เติบโตต่อเนื่อง เชียงใหม่ได้รับความนิยมจากกลุ่มวัยเกษียณต่างชาติ สัดส่วน 7% เนื่องจากบรรยากาศสงบและค่าครองชีพไม่สูง ส่วนพัทยาได้รับความสนใจ 5% ด้วยทำเลที่ใกล้กรุงเทพฯ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งสนามบิน โรงพยาบาล และแหล่งพักผ่อน

✅ ในแง่พฤติกรรมการเลือกที่อยู่อาศัย พบว่าชาวต่างชาติราว 54% เลือกเช่ามากกว่าซื้อ เนื่องจากพำนักระยะสั้นประมาณ 5–10 ปี ส่วนอีก 46% เป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาวหรือเป็นบ้านหลังที่สอง ประเภทที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือคอนโดมิเนียม คิดเป็น 61% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด เพราะชาวต่างชาติยังมีข้อจำกัดด้านกรรมสิทธิ์ที่ดิน และคอนโดมีความสะดวกในการดูแลรักษา

✅ ราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจอยู่ในช่วง 3–10 ล้านบาท สำหรับห้องชุดขนาด 30–100 ตารางเมตร แบบ 1–2 ห้องนอน ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10,000–30,000 บาทต่อเดือน โดยคอนโดที่ได้รับความนิยมจะเน้นพื้นที่ใช้สอยลงตัว มีห้องทำงานสำหรับ Remote Working และมีพื้นที่พักผ่อน เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และระเบียงขนาดใหญ่

✅ ผลสำรวจนี้สะท้อนว่าความต้องการที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติยังคงแข็งแรง แม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อและผู้เช่ามีศักยภาพทางการเงินสูง และให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตรอบด้าน ทั้งทำเล การเดินทาง และสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับดีเวลลอปเปอร์ไทยในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มต่างชาติ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้