ราคาที่ดิน Q3 2568 พุ่ง 14.3% บางพลี-บางบ่อ แชมป์โต 44% โดย REIC

8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ราคาที่ดิน Q3 2568 พุ่ง 14.3% บางพลี-บางบ่อ แชมป์โต 44% โดย REIC

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานสถานการณ์ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ–ปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2568 พบว่าดัชนีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 447.2 จุด เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตเกิน 10% ครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นว่าราคาที่ดินยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การเติบโตของราคาที่ดินในช่วงนี้ได้รับแรงส่งสำคัญจากโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงพื้นที่ที่รัฐมีนโยบายพัฒนาผังเมืองใหม่ ซึ่งช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพของทำเลต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณบางพลี–บางบ่อ–บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีอัตราเติบโตของราคาที่ดินสูงถึง 44% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นทำเลที่ร้อนแรงที่สุดในไตรมาสนี้

พื้นที่ดังกล่าวได้รับอานิสงส์จากการเป็นเขตอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์สำคัญ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และโซนพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้สะดวก ช่วยส่งเสริมให้เกิดดีมานด์ในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและโครงการที่อยู่อาศัยในอนาคต

นอกจากนั้นยังมีทำเลเด่นอื่น ๆ ที่มีการปรับตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
✅ บางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง–ไทรน้อย อัตราเติบโต 26.4%
✅ เมืองสมุทรปราการ–พระประแดง–พระสมุทรเจดีย์ อัตราเติบโต 26.1%
✅ เมืองนนทบุรี–ปากเกร็ด อัตราเติบโต 22.8%
✅ เขตลาดพร้าว–บางกะปิ–วังทองหลาง–บึงกุ่ม–สะพานสูง–คันนายาว อัตราเติบโต 21.4%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นชัดว่า ทำเลในพื้นที่ปริมณฑลกำลังเป็น “ดาวรุ่งใหม่” ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะสมุทรปราการที่ได้รับแรงผลักดันจากผังเมืองรวมฉบับใหม่ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2568 การปรับผังเมืองครั้งนี้ช่วยให้ที่ดินสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ทั้งการรองรับกิจกรรมพาณิชย์ การอยู่อาศัยหนาแน่น รวมไปถึงการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สำหรับพื้นที่ชานเมืองรอบกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล แม้ราคาที่ดินตั้งต้นยังต่ำกว่าพื้นที่ใจกลางเมือง แต่กลับเป็นโซนที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เพราะสามารถรองรับการพัฒนาโครงการแนวราบที่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ปัจจัยนี้ทำให้ความต้องการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการมีมากขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินในโซนชานเมืองเติบโตสูงกว่าพื้นที่ชั้นใน

ภาพรวมทั้งหมดนี้ ยืนยันได้ว่าราคาที่ดินในกรุงเทพฯ–ปริมณฑลยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมีปัจจัยหลักจากระบบขนส่งสาธารณะ ผังเมืองใหม่ และการขยายตัวของเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ปริมณฑลจำนวนมากถูกยกระดับเป็นโซนศักยภาพสำหรับลงทุน พัฒนาโครงการ และรองรับการเติบโตของผู้อยู่อาศัยในอนาคต

ข้อมูลอ้างอิงจาก bangkokbiznews.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้